มีผู้รู้หลายท่านให้ความหมายเกี่ยวกับคำว่า “สุนทรีย์และสุนทรียศาสตร์” ไว้มากมายหลายท่าน
ในที่นี้ขอใช้ความหมายจากหนังสือพจนานุกรมศัพท์ศิลป์ ฉบับไทย – อังกฤษ (2530 : 7) ได้อธิบายความหมายของคำว่า สุนทรีย์และสุนทรียศาสตร์ Aesthetic ว่า หมายถึง
วิชาที่ว่าด้วยความนิยมความงามหรือความนิยมในความงาม เป็นอารมณ์
ความซาบซึ้งในคุณค่าของสิ่งงดงาม ไพเราะรื่นรมย์
ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติหรืองานศิลปะ
ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นด้วยประสบการณ์
การศึกษาอบรมและพัฒนาเป็นรสนิยมความรู้และความเข้าใจทางประวัติศาสตร์
สามารถเสริมสร้างพัฒนาการทางสุนทรียภาพให้เพิ่มขึ้น รู้และเข้าใจคุณค่าของความงาม
มีผู้รู้หลายท่านให้ความหมายเกี่ยวกับคำว่า “สุนทรีย์และสุนทรียศาสตร์” ไว้มากมายหลายท่าน
ในที่นี้ขอใช้ความหมายจากหนังสือพจนานุกรมศัพท์ศิลป์ฉบับไทย – อังกฤษ (2530 : 7) ได้อธิบายความหมายของคำว่า สุนทรีย์และสุนทรียศาสตร์ Aesthetic ว่า หมายถึง
วิชาที่ว่าด้วยความนิยมความงามหรือความนิยมในความงาม เป็นอารมณ์
ความซาบซึ้งในคุณค่าของสิ่งงดงามไพเราะรื่นรมย์ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติหรืองานศิลปะ ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นด้วยประสบการณ์ การศึกษาอบรม
และพัฒนาเป็นรสนิยมความรู้และความเข้าใจทางประวัติศาสตร์ สามารถเสริมสร้างพัฒนาการทางสุนทรียภาพให้เพิ่มขึ้น รู้และเข้าใจคุณค่าของความงาม
อเล็กซานเดิร์ กอตตรีบ โบมการ์เด้น
(Alexander Gottrib Baumgaten)
นักปรัชญาชาวเยอรมัน
ได้ตีพิมพ์ผลงานเป็นครั้งแรก
เริ่มจากงานเรื่อง The Aestheteca
และเป็นผู้ให้ความหมายของคำว่า สุนทรียศาสตร์ว่า Aesthetic ซึ่งโบมการ์เด้นใช้อธิบาย การรับรู้ความรู้สึกทางประสาทสัมผัส
ซึ่งเป็นสิ่งที่โบมการ์เด้นค้นพบในบทกวีนิพนธ์ และขยายไปสู่ศิลปะสาขาอื่น ๆ และได้ใช้คำว่าสุนทรียศาสตร์เป็นครั้งแรกในหนังสือของเขเอง ชื่อผลสะท้อนของกวีนิพนธ์ เขาได้พิจารณาคำจากในภาษากรีก คือ
การกำหนดรู้ Aesthesis และจึงเริ่มใช้คำว่า Aesthetics อธิบายการรับรู้ทางประสาทสัมผัส
จนได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งสุนทรียศาสตร์
และยังได้อธิบายความหมายของคำว่าสุนทรียศาสตร์ (Aesthetics) ไว้ว่า
1.
สุนทรียศาสตร์ เป็นความรู้จากประสบการณ์ (Conceptual Knowledge)
ซึ่งเป็นการนำเอาเหตุผลมาตัดสินความงาม
2.
สุนทรียศาสตร์ เป็นความรู้โดยตรง (Intuitive knowledge)
เป็นความรู้ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
หรือเรียกว่าการหยั่งรู้เป็นความรู้ที่สูงกว่าปกติและเป็นการนำความรู้ที่ใช้มาตัดสินความงาม โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยเหตุผลอื่นมาเกี่ยวข้อง
Aesthetic สุนทรียศาสตร์ คือ
สาขาหนึ่งของวิชาปรัชญา
เป็นวิชาที่ว่าด้วยเรื่องของความงาม
ความนิยมในความงาม
เป็นการศึกษาค้นคว้าเพื่อหามาตรฐานของความงามทางด้านศิลปะ ทั้งวิจิตรศิลป์ (Fine
Art) และประยุกต์ศิลป์ (Applied Art) ซึ่งในสมัยกรีกโบราณใช้กล่าวถึงเรื่องของความงาม ความสะเทือนใจ
ซึ่งเป็นความรู้สึกทางการรับรู้ (Sense perception)
และพัฒนา
การเรียนรู้เพื่อสัมผัสความงาม
การรับรู้โดยใช้ประสาทสัมผัสเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งมี 3 วิธี
1.
แบบโดยตั้งใจ (Intention or
Interesting) มีความสนใจและความตั้งใจที่จะมองเห็นโดยตรง
2.
แบบโดยไม่ตั้งใจ (Un
– Intention or Disinteresting) รับรู้ค่าความงามที่มีอยู่ในธรรมชาติแบบไม่รู้ตัว
3.
แบบรสนิยม (Taste) เป็นความรู้สึกซาบซึ้งในคุณค่า สามารถเลือกในสิ่งที่ชอบเลือกสรรพคุณ ให้กับตนเองได้ มิใช่ความชอบตามกระแสนิยม
สภาวะธรรมชาติมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ทางด้านความงาม
การศึกษาสุนทรียศาสตร์เป็นลักษณะของการเรียนรู้สภาวะธรรมชาติโดยตรง ซึ่งความงามในธรรมชาติเองมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จะแบ่งออกเป็น
3 ระดับ คือ
1.
การเคลื่อนไหวตามธรรมชาติ (Natural Movement)
ได้แก่ การขึ้น –
ลง ของดวงอาทิตย์ เป็นต้น
2.
ภาพลักษณ์ตามธรรมชาติ (Natural
Imagery) เช่น การพบเห็นความงามตามธรรมชาติ เช่น
ดอกไม้ เมฆ ทะเล
ภูเขา ฯลฯ
3.
เสียงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ (Natural Sound)
เช่น
การฟังเสียงสัตว์หรือเสียงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นต้น
ความแตกต่างของสุนทรียศาสตร์เชิงปรัชญากับเชิงพฤติกรรม
1.
สุนทรียศาสตร์เชิงปรัชญา (Philosophical Aesthetics)
เป็นการเรียนรู้โดยการสนทนา
ถกเถียง บรรยาย อาศัยเรื่องความจริงที่สัมผัสได้ (Reality) ข้อเท็จจริงที่อธิบายได้ (Fact)
และความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลง (Truth)
2.
สุนทรียศาสตร์เชิงพฤติกรรม (Psychological Aesthetics)
เป็นการปฏิบัติให้เกิดประสบการณ์สุนทรีย เป็นการเรียนรู้ด้วยการฝึกฝน
ซึ่งความรู้ทั้ง 2
แบบนี้ต้องอาศัยสุนทรียะวัตถุ (Aesthetics Objects)
ทั้งวัตถุทางธรรมชาติ
(Natural object) และวัตถุทางศิลปกรรม (Artistic Object)
แล้วนำประสบการณ์ตรงมาเป็นรูปแบบของการสร้างสรรค์งานศิลปะ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ฐานศาสตร์
คือ
1.
ฐานศาสตร์ทางการเห็น
ว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ เช่น
จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์
เป็นต้น
2.
ฐานศาสตร์ของการได้ยิน ว่าด้วยเรื่องของดนตรี การใช้เสียงอย่างมีระบบ เกี่ยวเนื่องกับตัวโน้ต
3.
ฐานศาสตร์ของการเคลื่อนไหว ว่าด้วยเรื่องละครและการแสดงต่าง ๆ
เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวโดยใช้ความคิดและการสร้างสรรค์
สุนทรียภาพ คือ
ความซาบซึ้งในคุณค่าของสิ่งที่มีความงาม
ความไพเราะ
และความรู้สึกซาบซึ้งในคุณค่าของความงามจะก่อให้เกิดประสบการณ์ และถ้าได้ผ่านการศึกษาอบรมจนเป็นนิสัยจะกลายเป็นรสนิยม (Taste) ซึ่งเป็นผลที่เกิดจากปฏิกิริยาของการรับรู้ทางการเห็น การฟัง
และเป็นที่มาของการรับรู้ความงามทางด้านทัศนศิลป์ ดนตรีและนาฎศิลป์
โดยการรับรู้ที่ทำให้เกิดการเรียนรู้จะมีอยู่ 3
แบบ คือ แบบตั้งใจ
แบบไม่ตั้งใจ
หรือแบบที่เลือกสรรตามความ
พอใจที่จะรับรู้
โดยอาศัยองค์ประกอบของสุนทรียวัตถุ
คือ วัตถุทางธรรมชาติ วัตถุทางศิลปกรรม และองค์ประกอบของประสบการณ์ทางสุนทรียภาพ แต่ก็ต้องประกอบด้วยคุณค่าทางความงามและตัวของผู้รับรู้ด้วย
ดังนั้นถ้าจะศึกษาเรื่องของความงามก็จะต้องกล่าวถึง สุนทรียทัศน์
คือ
มนุษย์เป็นคนตัดสินความงาม
มนุษย์จึงเป็นผู้พบเห็นความงาม
ถ้าไม่มีมนุษย์ความงามก็ไม่เกิดหรือความงามไม่ได้อยู่ที่มนุษย์
แต่ความงามอยู่ที่วัตถุถึงมนุษย์ไม่พบเห็นความงาม ความงามก็ยังคงอยู่หรือความงามไม่ได้ขึ้นอยู่กับทั้ง
2 สิ่ง
แต่ความงามเกิดจากความสัมพันธ์ของทั้ง
2 สิ่ง
หรือความสัมพันธ์ระหว่างความสนใจกับสิ่งที่ถูกสนใจ หรืออีกประการหนึ่งคือ ความงาม
ความรู้สึกเพลิดเพลิน
เป็นความชอบของแต่ละบุคคล